ประกาศและนโยบาย

บริษัท เด็พธเฟิร์สท จำกัด (“บริษัทฯ”) ตระหนักถึงความสำคัญเกี่ยวกับสิทธิและความเป็นส่วนตัวของผู้เข้าร่วมกิจกรรมของบริษัทฯ (“เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล”) เป็นอย่างยิ่ง บริษัทฯ จึงได้จัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ เพื่อให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้รับทราบถึงรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย (“การประมวลผล”) ในการบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ 

  1. วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
       1.1 เพื่อใช้ในการลงทะเบียน ดำเนินการ ติดต่อสื่อสารและประสานงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเข้าร่วมการอบรมของบริษัทฯ
       1.2 
    เพื่อการปฏิบัติตามสัญญาระหว่างเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือหน่วยงานที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสังกัด กับบริษัทฯ รวมถึงเพื่อปฏิบัติตามขั้นตอนภายในของบริษัทฯ
       1.3 เพื่อป้องกันและระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของผู้เข้าร่วมการอบรมหรือบุคคลอื่น อาทิ การติดต่อในกรณีฉุกเฉิน การควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ และเพื่อการแจ้งเตือนอื่น ๆ ที่ไม่มีวัตถุประสงค์ทางการตลาด
       1.4 เพื่อประเมิน ปรับปรุง และพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ กิจกรรมทางการตลาด และการส่งเสริมการขายของบริษัทฯ
  2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่จะใช้ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
       2.1 แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล
           – เก็บรวมรวมโดยตรงจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เช่น การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลจากการกรอกข้อมูลส่วนบุคคลผ่านแบบฟอร์มต่าง ๆ ของบริษัทฯ หรือการเข้าใช้งานระบบเว็บไซต์ของบริษัทฯ ผ่านคุกกี้
           – เก็บรวบรวมจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่จากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรง เช่น การสอบถามข้อมูลจากบุคคลที่สาม หรือ การสืบค้นข้อมูลส่วนบุคคลผ่านระบบเว็บไซต์ โดยบริษัทฯ จะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบและขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ชักช้า ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่บริษัทฯเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งดังกล่าว

           – การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถและคนเสมือนไร้ความสามารถ บริษัทฯ จะคำนึงถึงการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวอย่างสูงสุดตามที่กฎหมายกำหนด
       2.2 ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่ประมวลผล
           – ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล เพศ อายุ สัญชาติ
           – ข้อมูลการติดต่อ เช่น  หมายเลขโทรศัพท์  อีเมล รวมถึงข้อมูลในโซเชียลมีเดียต่าง ๆ
           – ข้อมูลเกี่ยวกับการจ้างงาน เช่น ตำแหน่งงาน สถานที่ทำงาน
  3. การใช้และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
    บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลในบางกรณีที่จำเป็น เพื่อการปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ทราบให้แก่บุคคลภายนอกและ/หรือองค์กรหรือหน่วยงานภายนอก ดังต่อไปนี้
       3.1 คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัทฯ บริษัทย่อย และ/หรือผู้ให้บริการภายนอก รวมถึงสถาบันการเงิน โดยในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลภายนอกและ/หรือองค์กรหรือหน่วยงานภายนอกดังกล่าว บริษัทฯ จะดำเนินการให้บุคคลเหล่านั้นเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้เป็นความลับ และไม่นำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากขอบเขตที่บริษัทฯ ได้กำหนดไว้
       3.2 หน่วยงานราชการซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย เพื่อเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย คำสั่ง คำร้องขอ เพื่อการประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามกฎหมาย
  4. ระยะเวลาในการเก็บรวบรวม
       4.1 บริษัทฯ จะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลไว้ในระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามประเภทข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภท เว้นแต่กฎหมายจะอนุญาตให้มีระยะเวลาการเก็บรักษาที่นานขึ้น ทั้งนี้ หากไม่สามารถระบุระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลได้ชัดเจน บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลไว้ตามระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ตามมาตรฐานของการเก็บรวบรวม และเมื่อครบตามระยะเวลาดังกล่าวบริษัทฯ จะดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
       4.2  กรณีที่บริษัทฯ ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลโดยขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล บริษัทฯ จะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจนกว่าเจ้าของข้อมูลจะแจ้งขอยกเลิกความยินยอม และบริษัทฯ ได้ดำเนินการตามคำขอยกเลิกนั้นเสร็จสิ้นแล้ว ทั้งนี้ บริษัทฯ จะยังเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลเท่าที่จำเป็นสำหรับบันทึกประวัติว่าเจ้าของข้อมูลเคยยกเลิกความยินยอมนั้น
  5. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ
       5.1  บริษัทฯ อาจส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลไปยังบริษัทในเครือหรือบุคคลอื่นในต่างประเทศ ในกรณีที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ทราบ
       5.2  ในกรณีที่มีการส่งข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลไปยังต่างประเทศ บริษัทฯจะปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลจะได้รับการคุ้มครอง รวมถึงบริษัทฯ จะกำหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลมีมาตรการปกป้องข้อมูลของเจ้าของข้อมูลอย่างเหมาะสมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น 
  6. สิทธิตามกฎหมายของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
    เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิดังต่อไปนี้
       6.1 สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม
           เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ให้ไว้กับบริษัทฯ ได้ตลอดระยะเวลา ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบด้วยกฎหมาย
       6.2 สิทธิในการเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล
           เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถแจ้งให้บริษัทฯ จัดทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล และมีสิทธิแจ้งให้บริษัทฯ เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ได้ให้ความยินยอม
       6.3 สิทธิในการขอรับหรือขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล
           เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถขอให้บริษัทฯ ส่งข้อมูลส่วนบุคคลไปยังบุคคลอื่น และขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ส่งหรือโอนไปยังบุคคลอื่นได้
       6.4 สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
           เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เนื่องจากข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย หรือ เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง
       6.5 สิทธิในการขอให้ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล
           เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถขอให้บริษัทฯ ดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลได้ หากพบว่าไม่มีความจำเป็นที่จะเก็บรวบรวมข้อมูลต่อไป หรือในกรณีที่การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย
       6.6 สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
           เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถแจ้งให้บริษัทฯ ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ในระหว่างรอการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ได้ร้องขอให้แก้ไขข้อมูลดังกล่าวให้ถูกต้อง หรือขอให้ระงับแทนการขอให้ลบข้อมูล
       6.7 สิทธิในการขอแก้ไข/เพิ่มเติมข้อมูลส่วนบุคคล
           เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถขอให้บริษัทฯ แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน ข้อมูลที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด และ/หรือเพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์
       6.8 สิทธิในการร้องเรียน
           เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิร้องเรียนในกรณีที่บริษัทฯ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือประกาศที่ออกตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
    เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถใช้สิทธิตามกฎหมาย ได้ผ่านช่องทาง compliance@depthfirst.co.th บริษัทฯ จะดำเนินการและพิจารณาตามสิทธิที่เจ้าของข้อมูลร้องขอภายในระยะเวลา 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับคำร้อง ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิในการปฏิเสธการดำเนินการตามสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้เงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด หรือตามสัญญาที่ทำไว้กับบริษัทฯ 
  7. มาตรการรักษาความปลอดภัย
        บริษัทฯ ได้นำมาตรฐานความปลอดภัยทางเทคนิคและการบริหารที่เหมาะสมมาใช้เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลจากการเข้าถึง ใช้หรือเปิดเผยโดยไม่ได้รับอนุญาต การใช้งานในทางที่ผิด การสูญหาย และการทำลาย โดยใช้มาตรฐานเทคโนโลยีในการรักษาความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสและการจำกัดการเข้าถึง เพื่อให้มั่นใจว่าบุคคลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้จัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลจากผู้ที่ไม่มีสิทธิหรือหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
  8. ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (บริษัทฯ)
        บริษัท เด็พธเฟิร์สท จำกัด
        ที่อยู่ เลขที่ 155/10 ถนนสุขุมวิท 21 (อโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร
        ติดต่อ 02-661-6609-10 
  9. ข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
        ชื่อ : นายธนาวุฒิ สาลียงพวย
        แผนก : Back Office
        ตำแหน่ง : Legal & Compliance Officer
        โทรศัพท์ : 02-661-6609-10
        อีเมล : compliance@depthfirst.co.th
  10. บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิในการแก้ไขเพิ่มเติม เปลี่ยนแปลง หรือปรับปรุงมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้มีความเหมาะสมภายใต้ข้อบังคับของกฎหมายคุ้มครองส่วนบุคคล โดยหากมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ บริษัทฯ จะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบต่อไป

 

 

      บริษัท เด็พธเฟิร์สท จำกัด ต่อไปนี้จะเรียกว่า “(บริษัท”) เป็นผู้ให้บริการเว็บไซต์ รวมไปถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ และช่องทางโซเชียลมีเดียอื่นๆ ในเครือ บริษัทขอเรียนว่า บริษัทเคารพความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน และตระหนักดีว่าข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานแต่ละท่านมีความสำคัญอย่างยิ่ง บริษัทจึงต้องการที่จะชี้แจงให้ทราบเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

      ดังนั้น บริษัทจึงได้มีนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ เพื่อชี้แจงรายละเอียดและ วิธีการจัดเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย การคุ้มครองข้อมูล การเข้าถึงข้อมูล การโอนย้าย และการวิเคราะห์ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังต่อไปนี้

      ข้อมูลส่วนบุคคลในทีนี้หมายถึงข้อมูลต่างๆ ในการทำการลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ การลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของบริษัท คุกกี้ ข้อมูลการทำรายการ และประสบการณ์การใช้งาน

      นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) นี้อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 โดยบริษัทมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งตามกฎหมายเรียกว่า “ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” โดยมีพนักงานที่บริษัทมอบหมายโดยเฉพาะให้มีหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของบริษัท ซึ่งตามกฎหมายเรียกว่า ‘ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล’ ส่วนท่านถือเป็น “เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” ตามกฎหมายนี้

ข้อที่ 1 ข้อมูลส่วนบุคคลอะไรบ้างที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย
           1.1 เราจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นข้อมูลที่ทำให้สามารถระบุตัวตนของท่านได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ได้แก่ ข้อมูลที่ท่านให้ไว้โดยตรงจากการลงทะเบียนผ่านระบบ หรือการลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของบริษัท คุกกี้ ข้อมูลการทำรายการ และประสบการณ์การใช้งานผ่านหน้าเว็บไซต์ ผู้ที่ได้รับมอบหมาย หรือช่องทางอื่นใด เช่นข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล อายุ วันเดือนปีเกิด สถานภาพสมรส เลขประจำตัวประชาชน เลขหนังสือเดินทาง
           1.2 ข้อมูลการติดต่อ เช่น ที่อยู่อาศัย สถานที่ทำงาน หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล ไอดีไลน์
           1.3 ข้อมูลอุปกรณ์หรือเครื่องมือ เช่น IP Address MAC Address Cookie ID
           1.4 ข้อมูลอื่นๆ เช่น การใช้งานเว็บไซต์ เสียง ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และข้อมูลอื่นใดที่ถือว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ข้อที่ 2 วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูล
           เราจะนำข้อมูลของท่านมาใช้เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ แพลตฟอร์มออนไลน์ และช่องทางโซเชียลมีเดียอื่นๆ ในเครือ ตลอดจนการวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานของผู้ใช้งาน ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ท่านให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หากภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบ เพื่อขอความยินยอม และจัดให้มีบันทึกการแก้ไขเพิ่มเติมไว้เป็นหลักฐาน
           ทั้งนี้ บริษัทจะไม่กระทำการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อประโยชน์อย่างอื่น ที่นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้กับท่านไว้ก่อนหรือขณะเก็บรวบรวม 

ข้อที่ 3 การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
           บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นอย่างดีตามมาตรการเชิงเทคนิค (Technical Measure) และมาตรการเชิงบริหารจัดการ (Organizational Measure) เพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม และเพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล การสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ แปลง แก้ไข การนำข้อมูลไปใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลนอกวัตถุประสงค์ หรือโดยไม่มีอำนาจหรือโดยไม่ชอบก่อนที่บริษัทจะทำการเก็บรวบรวมข้อมูล ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของท่าน บริษัทจะทำการขอความยินยอมจากท่านก่อน โดยการขอความยินยอมบริษัทจะทำโดยชัดแจ้ง เป็นหนังสือหรือทำโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์
           ทั้งนี้ ท่านมีความเป็นอิสระในการให้ความยินยอมในการที่บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทจะไม่กำหนดเงื่อนไขในการให้ความยินยอมเพื่อให้เข้าถึงการรับบริการ หรือเข้าทำสัญญากับบริษัท หากข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไม่มีความจำเป็นหรือเกี่ยวข้องสำหรับการเข้าทำสัญญาหรือการรับบริการนั้นนอกจากนี้ ผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้าง ผู้รับจ้าง ตัวแทน ที่ปรึกษา และผู้รับข้อมูลจากบริษัทมีหน้าที่ต้องรักษาข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรการรักษาความลับที่บริษัทกำหนดขึ้น
           ในกรณีที่ท่านเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลท่านใดเป็นผู้ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ถือเป็นผู้เยาว์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การให้ความยินยอมของท่านต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองที่มีอำนาจกระทำแทนท่านด้วย หากผู้จะให้ความยินยอมนั้นเป็นผู้เยาว์ที่อายุไม่เกิน 10 ปี ต้องขอความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองนั้นโดยตรง
           ในกรณีเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลท่านใดเป็นบุคคลไร้ความสามารถหรือบุคคลเสมือนไร้ความสามารถ ต้องขอความยินยอมจากผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์ที่มีอำนาจกระทำการแทนบุคคลไร้ความสามารถหรือบุคคลเสมือนไร้ความสามารถนั้นแล้วแต่กรณี บริษัทจะดำเนินการให้ข้อมูลของท่านนั้นถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด 

ข้อที่ 4 การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
          การเก็บรวบรวมส่วนบุคคล บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านโดยขอความยินยอมจากท่านก่อน เว้นแต่กรณีที่กฎหมายให้อำนาจไว้ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มาตรา 24 หรือ มาตรา 26 บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านไว้เป็นระยะเวลา 10 ปี นับแต่วันที่เลิกสัญญา บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านเฉพาะเท่าที่จำเป็น ภายใต้วัตถุประสงค์ที่บริษัทได้แจ้งไว้ใน ข้อ 2.
           ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นที่ท่านจะต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัทเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือสัญญา หรือเพื่อต้องเข้าทำสัญญากับบริษัท บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบก่อน และจะแจ้งผลกระทบหากท่านไม่ยินยอมให้ข้อมูลแก่บริษัท
           บริษัทจะไม่เก็บรวบรวมข้อมูลของท่านจากแหล่งที่มาอื่นที่ไม่ใช่ของท่านโดยตรง เว้นแต่กรณีที่บริษัทได้แจ้งท่านถึงการเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านจากแหล่งที่มาอื่นภายใน 30 วัน และได้รับความยินยอมจากท่านแล้ว หรือเป็นการเก็บรวบรวมที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอม ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มาตรา 24 หรือมาตรา 26
           บริษัทจะไม่เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธ์ุ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อท่านในทำนองเดียวกันตามประกาศของคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยไม่ได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน เว้นแต่เป็นกรณีตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มาตรา 26 บัญญัติให้กระทำได้ การใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะไม่ ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของท่านก่อนที่จะได้รับความยินยอมจากท่าน เว้นแต่เป็นข้อมูลของท่านที่เก็บรวบรวมได้โดยไม่ต้องขอความยินยอม ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มาตรา 24 หรือมาตรา 26
           บริษัทจะดูแลให้พนักงานที่ได้รับมอบหมายในเรื่องนี้โดยเฉพาะ มิให้ ใช้ หรือเปิดเผย แสดง หรือทำให้ปรากฏในลักษณะอื่นใดซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน นอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ ภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายอนุญาตให้เปิดเผยได้ตามขอบเขตที่ท่านได้ให้ความยินยอม หรือขอบเขตที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้
           ในกรณีที่บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลหรือนิติบุคคลภายนอก บุคคลหรือนิติบุคคลภายนอกนั้นจะต้องแจ้งวัตถุประสงค์ในการ ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้บริษัททราบก่อน และต้องไม่ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ที่ได้ให้ไว้แก่บริษัท
           บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่บริษัทผู้ร่วมวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อการวิเคราะห์และพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ การทำวิจัยหรือจัดทำข้อมูลทางสถิติ การบริหารกิจการ และการส่งเสริมการตลาด เช่น การประชาสัมพันธ์กิจกรรม ผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการ ให้แก่ท่าน
           ในกรณีที่บริษัท ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอม บริษัทจะบันทึกการใช้หรือเปิดเผยข้อมูลนั้นเป็นหนังสือหรือระบบอิเล็กทรอนิกส์
           ในกรณีที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ ประเทศปลายทางหรือองค์กรระหว่างประเทศที่รับข้อมูลส่วนบุคคลต้องมีมาตราฐานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ
           ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด เว้นแต่เป็นกรณีตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มาตรา 28 (1) – (6)

ข้อที่ 5 สิทธิของท่านเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
           สิทธิของท่านในข้อนี้เป็นสิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องที่ท่านควรทราบ โดยท่านสามารถขอใช้สิทธิต่างๆ ได้ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย และนโยบายที่บริษัทกำหนดไว้ก่อนหรือในขณะหรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคต ตลอดจนหลักเกณฑ์ตามที่บริษัทกำหนดขึ้น
           5.1 สิทธิในการขอถอนความยินยอม: ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่ (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ท่านให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น)
           5.2 สิทธิในการขอเข้าถึง ขอรับข้อมูลหรือสำเนาข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอเข้าถึง หรือรับ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเองที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท และขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมว่าบริษัทได้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาได้อย่างไร
           5.3 สิทธิในการคัดค้าน: ท่านมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อใดก็ได้ ในกรณีที่กฎหมายให้อำนาจบริษัทในการเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านได้โดยไม่ต้องขอความยินยอมจากท่านก่อน
           5.4 สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
           5.5 สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของได้ ดังต่อไปนี้
                  5.5.1. ข้อมูลของท่านไม่มีความจำเป็นที่จะเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของท่าน เมื่อท่านได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอม
                  5.5.2. บริษัทไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ เมื่อท่านใช้สิทธิคัดค้านตาม ข้อ 5.3 และบริษัทไม่อาจปฏิเสธคำขอได้ตามกฎหมาย เมื่อข้อมูลของท่านได้ถูกเก็บ ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
           5.6 สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลของท่าน ในกรณีดังต่อไปนี้
                  5.6.1. เมื่อบริษัทอยู่ในระหว่างการตรวจสอบตามที่ท่านร้องขอ
                  5.6.2. เมื่อเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องลบหรือทำลาย แต่ท่านขอให้ระงับการใช้แทน
                  5.6.3. เมื่อข้อมูลของท่านหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลของท่าน แต่ท่านมีความจำเป็นต้องขอให้เก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในการตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมายการปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
                   5.6.4. เมื่อบริษัทอยู่ระหว่างพิสูจน์คำขอคัดค้านของท่านตามข้อ 5.3 เพื่อดูว่าบริษัทมีอำนาจตามกฎหมายให้ปฏิเสธคำคัดค้านของท่านได้หรือไม่

           5.7 ท่านมีสิทธิร้องขอให้บริษัทดำเนินการให้ข้อมูลของท่านนั้นถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด หากบริษัทไม่ดำเนินการตามคำร้องขอ บริษัทจะบันทึกคำร้องขอของท่านพร้อมด้วยเหตุผลไว้เป็นหนังสือหรือระบบอิเล็กทรอนิกส์
           5.8 สิทธิร้องเรียน: ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
           5.9 การใช้สิทธิของท่านดังกล่าวข้างต้นอาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมีบางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่บริษัทอาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิข้างต้นของท่านได้ เช่น ต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล การใช้สิทธิละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น เป็นต้น

ข้อที่ 6 การเชื่อมโยงข้อมูลส่วนบุคคลกับบุคคลอื่นหรือหน่วยงานอื่น
           6.1 บริษัทอาจเชื่อมโยงข้อมูลส่วนบุคคลกับบุคคลหรือหน่วยงานอื่น โดยบริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบก่อนที่จะทำการเชื่อมโยงข้อมูลส่วนบุคคล พร้อมทั้งขอความยินยอม โดยมีรายละเอียดต่อไปนี้เป็นอย่างน้อย
                  6.1.1. บุคคลหรือหน่วยงานที่จะทำการเชื่อมโยงข้อมูลส่วนบุคคล
                  6.1.2. วัตถุประสงค์ในการเชื่อมโยงข้อมูลส่วนบุคคล
                  6.1.3. วิธีการในการเชื่อมโยงข้อมูลส่วนบุคคล
                  6.1.4. ข้อมูลส่วนบุคคลที่จะทำการเชื่อมโยง
           6.2 หากมีการเปลี่ยนแปลงการเชื่อมโยงข้อมูล บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว และขอความยินยอมก่อนการดำเนินการ

ข้อที่ 7 การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
           บริษัทอาจปรับปรุงนโยบายส่วนบุคคลนี้เป็นครั้งคราว เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของการให้บริการและ/หรือผลิตภัณฑ์ของบริษัท การดำเนินงานของบริษัท และข้อเสนอแนะหรือความคิดเห็นจากท่าน โดยบริษัทจะประกาศแจ้งการเปลี่ยนแปลงให้ทราบอย่างชัดเจนก่อนจะเริ่มดำเนินการเปลี่ยนแปลง หรืออาจส่งประกาศให้ท่านทราบโดยตรง

ข้อที่ 8 คุกกี้ (Cookies) คืออะไร?
           คุกกี้ (Cookies) คือไฟล์ที่เว็บไซต์ที่คุณเข้าชมสร้างขึ้น ซึ่งช่วยให้คุณทำสิ่งต่างๆ ทางออนไลน์ได้ง่ายขึ้นด้วยการบันทึกข้อมูลการท่องเว็บ โดยเว็บไซต์ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณลงชื่อเข้าใช้อยู่เสมอ จดจำค่ากำหนดเว็บไซต์ และมอบเนื้อหาที่เกี่ยวข้องให้แก่คุณ 

ข้อที่ 9 เราใช้คุกกี้อย่างไร?
           เราจะจัดเก็บข้อมูลการเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์จากผู้เข้าเยี่ยมชมทุกรายผ่านคุกกี้หรือ เทคโนโลยีใกล้เคียง เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการใช้งานแพลตฟอร์มและการเข้าถึงบริการของเราผ่านระบบอินเทอร์เน็ต โดยจะใช้เพื่อกรณีดังต่อไปนี้
           9.1 เพื่อให้ท่านสามารถเข้าสู่ระบบบัญชีของท่านในแพลตฟอร์มของเราได้อย่างต่อเนื่องและปลอดภัย
           9.2 เพื่อบันทึกข้อมูลการใช้งานบนแพลตฟอร์มของท่าน เนื้อหาข้อมูล รวมถึงรูปแบบแพลตฟอร์มที่ท่านได้ตั้งค่าไว้
           9.3 เพื่อศึกษาพฤติกรรมการใช้งานและเยี่ยมชมแพลตฟอร์มของท่าน เพื่อพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ให้ตรงกับความต้องการของท่านมากที่สุด
           9.4 เพื่อศึกษาพฤติกรรมของผู้เยี่ยมชมแพลตฟอร์มโดยรวม และนำไปพัฒนาเว็บไซต์ให้สามารถใช้งานได้ง่าย รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ข้อที่ 10 ประเภทของคุกกี้ที่เราใช้

           เว็บไซต์ของเราประกอบไปด้วยคุกกี้ดังต่อไปนี้
           10.1 คุกกี้ประกอบการทำงานของแพลตฟอร์ม (Functionality Cookies): ใช้เพื่อการจดจำสิ่งที่ท่านเลือกหรือตั้งค่าบนแพลตฟอร์ม รวมไปถึงการนำเสนอข้อมูลที่ตรงความต้องการเฉพาะบุคคล เช่น ชื่อบัญชีผู้ใช้ ภาษา และรูปแบบแพลตฟอร์ม
           10.2 คุกกี้สำหรับการโฆษณา (Advertising Cookies): ใช้ในการจดจำสิ่งที่ท่านเคยเยี่ยมชม รวมไปถึงลักษณะการใช้งานของท่าน เพื่อนำเสนอสินค้า บริการ หรือ สื่อโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน และประเมินประสิทธิผลของแคมเปญโฆษณาต่างๆ
           10.3 คุกกี้ทางเทคนิค (Strictly Necessary Cookies): เป็นประเภทคุกกี้ที่มีความจำเป็นต่อการใช้งานแพลตฟอร์ม เพื่อให้ท่านเข้าถึงข้อมูลได้อย่างทั่วถึงและปลอดภัย
           10.4 คุกกี้เพื่อวัดผลการทำงานของแพลตฟอร์ม (Performance Cookies): ใช้ในการจัดเก็บข้อมูลของผู้เข้าชมแพลตฟอร์มแบบไม่ระบุตัวตน และนำมาวิเคราะห์จำนวนและพฤติกรรมของผู้เข้าชม เพื่อปรับปรุงแพลตฟอร์มให้มีประสิทธิภาพและตรงกับความต้องการของผู้ใช้มากขึ้น
           10.5 คุกกี้บุคคลที่สาม (Third-party Cookies) คุกกี้ชนิดนี้จะถูกกำหนดใช้โดยผู้บริการซึ่งเป็นบุคคลที่สาม อาทิ Google Analytics

ข้อที่ 11 การตั้งค่าคุกกี้
           ในกรณีที่คุณไม่ประสงค์ให้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลของผู้ใช้บริการผ่านทางคุกกี้ ซอฟต์แวร์ และเครื่องมือการตรวจวัด คุณสามารถลบหรือปฏิเสธคุกกี้ หรือซอฟต์แวร์การตรวจวัดบางรายการผ่านทางเบราว์เซอร์ได้ โดยหากคุณนำคุกกี้ออก คุณจะออกจากระบบเว็บไซต์ และระบบอาจลบค่ากำหนดที่บันทึกไว้ของคุณ ด้วยวิธีการดังนี้
           11.1 การตั้งค่าคุกกี้ใน Chrome
           11.2 การตั้งค่าคุกกี้ใน Safari และ iOS
           11.3 การตั้งค่าคุกกี้ใน Internet Explorer
           11.4 การตั้งค่าคุกกี้ใน Firefox 

ข้อที่ 12 ท่านจะติดต่อบริษัทได้อย่างไร
           หากท่านมีข้อเสนอแนะ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการขอใช้สิทธิตามนโยบายฉบับนี้ ท่านสามารถติดต่อบริษัทได้ผ่านช่องทางดังนี้

   – Email: compliance@depthfirst.co.th

   – Tel: 02-661-6609-10

นโยบายจริยธรรมทางธุรกิจ

บริษัท เด็พธเฟิร์สท จำกัด มีนโยบายเกี่ยวกับจริยธรรมทางธุรกิจ (Code of conduct Policy) มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์ โปร่งใส และมีจริยธรรม โดยนโยบายฉบับนี้กำหนดมาตรฐานพฤติกรรมที่คาดหวังจากพนักงานทุกคน ทุกระดับ รวมถึงคณะกรรมการ ผู้บริหาร และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทฯ เพื่อให้แน่ใจว่าการดำเนินธุรกิจเป็นไปตามกฎหมายและมาตรฐานสากล

วัตถุประสงค์

นโยบายนี้ใช้บังคับกับพนักงานทุกระดับ ผู้บริหาร คณะกรรมการ ที่ปรึกษา หุ้นส่วนทางธุรกิจ ซัพพลายเออร์ และผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัท เพื่อให้แน่ใจว่าทุกฝ่ายปฏิบัติตามหลักจริยธรรมและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงข้อกำหนดของลูกค้าและคู่ค้าทางธุรกิจ

หลักการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม

ความซื่อสัตย์และความโปร่งใส บริษัทมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส ปราศจากการฉ้อโกง การบิดเบือนข้อมูล และการให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องต่อผู้มีส่วนได้เสีย ตลอดจนส่งเสริมให้คู่ค้าของบริษัทดำเนินธุรกิจโดยถูกต้องตามกฎหมายด้วยความโปร่งใส โดยมีเป้าหมายในการสร้างความร่วมมือจรรโลงสังคมให้เจริญรุดหน้าอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ เพื่อแสดงจุดยืนของบริษัทในการต่อต้านการทุจริตและการติดสินบน รวมถึงเพื่อกำหนดกฎเกณฑ์และแนวปฏิบัติให้กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานยึดถือปฏิบัติ บริษัทจึงได้มีการกำหนดนโยบายต่อต้านคอร์รัปชั่น

การเคารพกฎหมาย พนักงานต้องปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัท รวมถึงข้อกำหนดของหน่วยงานกำกับดูแลทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการไม่ใช้และไม่สนับสนุนการล่วงละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา โดยกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานทุกคน ต้องไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ในซอฟตแ์วรค์อมพิวเตอร์ด้วยการดาวน์โหลดและ/หรือ ติดตั้งโปรแกรมใดๆซึ่งไม่ได้ดำเนินการโดยฝ่ายเทคโนโลยี และสารสนเทศของบริษัท ทั้งนี้ ยังกำหนดให้ฝ่ายเทคโนโลยีและสารสนเทศตรวจสอบเป็นประจำ เพื่อป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ในซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์

การป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน การให้หรือรับของขวัญหรือประโยชน์อื่นใด คือให้สามารถกระทำได้ในวิสัยที่สมควร โดยให้อยู่ในมูลค่าที่ เหมาะสม และไม่อนุญาตให้เรียกร้องให้หรือรับ หรือสัญญาว่าจะให้ หรือจะรับของขวัญหรือทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่น ไม่ว่ากรณี ใดๆจากผู้รับเหมา ผู้ค้า ผู้ขาย ผู้ร่วมทุน หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัท รวมถึงต้องไม่ให้หรือรับของขวัญ ทรัพย์สินหรือ ประโยชน์อื่นใดที่อาจทำให้เกิดอิทธิพลในการตัดสินใจ เว้นแต่กรณีปกติประเพณีนิยมที่มีการให้ของขวัญแก่กัน และอยู่ในราคาที่เหมาะสม

ความเป็นธรรมและการปฏิบัติต่อผู้อื่น บริษัทให้ความสำคัญกับการปฏิบัติต่อพนักงาน ลูกค้า คู่ค้า อย่างเป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ และให้ความเคารพต่อสิทธิมนุษยชนตามมาตรฐานสากล ให้ความเป็นธรรมต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกรายโดยปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับพนักงาน และหลักการเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานตามเกณฑ์สากล โดยไม่แบ่งแยกถิ่นกำเนิด เชื้อชาติ เพศ อายุ สีผิว ศาสนา ความ พิการ ฐานะชาติตระกูล สถานศึกษาระดับการศึกษา หรือสถานะอื่นใดที่มิได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการปฏิบัติงาน รวมทั้งให้ความเคารพต่อความเป็นปัจเจกชนและศักดิ์ศรีของความเป็นมนษุย์
 
ความรับผิดชอบของพนักงาน

  • ปฏิบัติตามนโยบายนี้อย่างเคร่งครัดและรายงานพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมผ่านช่องทางที่บริษัทกำหนด
  • หลีกเลี่ยงการกระทำที่อาจทำให้เกิดข้อขัดแย้งทางผลประโยชน์หรือเสื่อมเสียชื่อเสียงขององค์กร
  • ให้ความร่วมมือกับบริษัทในการตรวจสอบและสอบสวนกรณีที่อาจละเมิดจริยธรรม
  • ต้องเข้ารับการอบรมเกี่ยวกับจรรยาบรรณและจริยธรรมทางธุรกิจตามที่บริษัทกำหนด

การรักษาข้อมูลและทรัพย์สินของบริษัท

  • พนักงานต้องปกป้องข้อมูลที่เป็นความลับของบริษัทและลูกค้า ห้ามนำไปเปิดเผยหรือใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
  • ห้ามใช้ข้อมูลภายในของบริษัทเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวหรือให้แก่บุคคลภายนอก
  • ทรัพย์สินของบริษัทต้องถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจเท่านั้น และต้องมีการจัดเก็บและบำรุงรักษาอย่างเหมาะสม

การแจ้งเบาะแสและการคุ้มครองผู้แจ้ง

  • บริษัทจัดให้มี ช่องทางแจ้งเบาะแส เพื่อให้พนักงานและผู้เกี่ยวข้องสามารถรายงานการกระทำที่เข้าข่ายละเมิดจรรยาบรรณได้อย่างปลอดภัย ดังนี้
    – ทางไปรษณีย์ ที่ฝ่ายกำกับดูแลและปฏิบัติงาน (Compliance Officer) บริษัท เด็พธเฟิร์สท จำกัด เลขที่ 155/10 ถ.สุขุมวิท 21 (อโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
    – ทางอีเมล ที่ compliance@depthfirst.co.th
    – ทางโทรศัพท์ 02-661-6609-10 ฝ่ายกำกับดูแลและปฏิบัติงาน
  • ผู้แจ้งเบาะแสโดยสุจริตจะได้รับ การคุ้มครองจากการตอบโต้ กลั่นแกล้ง หรือถูกลงโทษ  ตลอดจนข้อมูลที่ได้รับแจ้ง จะถูกเก็บเป็นความลับ ตามกฎหมายและนโยบายของบริษัท 
  • บริษัทจะดำเนินการตรวจสอบทุกกรณีที่ได้รับรายงานและดำเนินมาตรการที่เหมาะสมโดยไม่ลำเอียง

มาตรการลงโทษ

  • ผู้ที่ฝ่าฝืนนโยบายนี้จะถูกดำเนินการทางวินัย ซึ่งอาจรวมถึงการตักเตือน การพักงาน หรือการเลิกจ้าง
  • ในกรณีที่การละเมิดเกี่ยวข้องกับการทุจริต การฉ้อโกง หรือการละเมิดกฎหมาย บริษัทอาจดำเนินคดีทางกฎหมายและแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
  • บริษัทมีมาตรการตรวจสอบและติดตามการปฏิบัติตามนโยบายนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่ามาตรฐานจริยธรรมทางธุรกิจขององค์กรได้รับการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด

นโยบายต่อต้านการคอร์รัปชันและสินบน

บริษัท เด็พธเฟิร์สท จำกัด มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์ โปร่งใส และเป็นไปตามหลักจริยธรรมที่ดีในการประกอบธุรกิจ โดยปราศจากการให้หรือรับสินบนในทุกรูปแบบ บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของการปฏิบัติตามกฎหมายต่อต้านการทุจริต เพื่อให้เกิดมั่นใจว่าการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ สอดคล้องไปกับมาตรฐานสากล บริษัทฯ จึงออกนโนบายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน (Anti-Corruption and Bribery Policy) ฉบับนี้ เพื่อสร้างความเข้าใจอันดี เป็นแนวทางให้กับพนังงานทุกคนในองค์กรยึดถือและปฏิบัติตาม ตลอดจนสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้ทุกคนตระหนักถึงพิษภัยของการทุจริตคอร์รัปชั่น  สร้างค่านิยมที่ถูกต้องเพิ่มความเชื่อมั่นต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย บัดนี้ จึงขอประกาศนโยบาย

วัตถุประสงค์

นโยบายนี้มีผลบังคับใช้กับ พนักงานทุกระดับ, คณะกรรมการบริษัท, ผู้บริหารระดับสูง, ที่ปรึกษา, ตัวแทน, หุ้นส่วนทางธุรกิจ และบุคคลภายนอก ที่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัท รวมถึงซัพพลายเออร์ และผู้รับเหมา เพื่อให้แน่ใจว่าทุกฝ่ายปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานจริยธรรมขององค์กร

นิยาม

  1. สินบน หมายถึง การให้หรือรับเงิน สิ่งของ หรือผลประโยชน์อื่นใด เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อได้เปรียบทางธุรกิจอย่างไม่เป็นธรรม หรือมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของเจ้าหน้าที่รัฐหรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง
  2. การคอร์รัปชัน หมายถึง การให้หรือเสนอให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ หน่วยงานของรัฐ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม เพื่อให้บุคคลดังกล่าวกระทำการหรือละเว้นกระทำการตามหน้าที่ หรือทำให้เกิดการใช้อำนาจหน้าที่อย่างไม่ถูกต้อง เพื่อให้ได้มาหรือรักษาไว้ซึ่งธุรกิจของบริษัท
  3. ผลประโยชน์ทับซ้อน หมายถึง สถานการณ์ที่ผลประโยชน์ส่วนตัวของพนักงานหรือผู้บริหารอาจขัดแย้งกับผลประโยชน์ของบริษัท อาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ไม่เป็นธรรม
  4. ของขวัญและการต้อนรับ หมายถึง การให้หรือรับของขวัญ การรับรอง หรือความบันเทิงที่อาจส่งผลกระทบต่อความเป็นกลางของการตัดสินใจทางธุรกิจ

หลักเกณฑ์และข้อกำหนด

  1. การให้ของขวัญและการรับรอง ห้ามพนักงานและตัวแทนของบริษัทให้หรือรับสินบนในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อม หรือผ่านบุคคลที่สาม เว้นแต่เป็นกรณีปกติประเพณีนิยมที่มีการให้ของขวัญแก่กัน และอยู่ในราคาที่เหมาะสม คือ ให้สามารถกระทำได้ในวิสัยที่สมควร โดยให้อยู่ในมูลค่าที่ เหมาะสม และไม่อนุญาตให้เรียกร้องให้หรือรับ หรือสัญญาว่าจะให้หรือจะรับของขวัญหรือทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่น ไม่ว่ากรณีใดๆจากผู้รับเหมา ผู้ค้า ผู้ขาย ผู้ร่วมทุน หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัท รวมถึงต้องไม่ให้หรือรับของขวัญทรัพย์สินหรือ ประโยชน์อื่นใดที่อาจทำให้เกิดอิทธิพลในการตัดสินใจ
  2. การบริจาคเพื่อการกุศลเพื่อการสนับสนุน บริษัทสามารถให้การสนับสนุนหรือบริจาคได้ภายใต้เงื่อนไขที่โปร่งใส ไม่ใช่เพื่อจุดประสงค์ในการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว แต่เป็นไปการกุศลซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กรของบริษัท เพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสในสังคม เพื่อบรรเทา ความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิต ถือเป็นการตอบแทนสังคมรูปแบบหนึ่ง ทั้งนี้ การบริจาคเพื่อการกุศลต้องเป็นไปตามมาตราการที่บริษัทกำหนด และกระทำในลักษณะที่มีความโปร่งใส การชำระเงิน ต้องระบุผู้รับเงินที่ชัดเจน รวมถึงระบุชื่อผู้รับซึ่งเป็นองค์กรที่ได้ขึ้นทะเบียนพร้อมมีวัตถุประสงค์ของการบริจาคอย่างชัดเจน ในการ นี้ บริษัทสามารถบริจาคเพื่อการกุศล ซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบของตัวเงินหรือรูปแบบอื่นๆ ทั้งนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าการบริจาคเพื่อการกุศล ไม่ถูกนำไปใช้เป็นวิธีการหลีกเลี่ยงในการให้สินบน และเงินบริจาคจะถูกนำไปใช้เพื่อสาธารณประโยชน์หรือตรงตามวัตถุประสงค์ของการบริจาคอย่างแท้จริง ไม่ได้ถูกนำไปเพื่อใช้ในการอันไม่สุจริตใดๆ พนักงาน และ/หรือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องจัดทำเอกสารซึ่งระบุรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการบริจาคเพื่อการกุศล เพื่อเสนอให้กรรมการผู้จัดการพิจารณาอนุมัติจึงจะสามารถ บริจาคได้ตามระเบียบของบริษัท ฯ
  3. การเลี้ยงรับรอง และการบริการตอนรับ บริษัทไม่มีนโยบายการจ่ายค่าอำนวยความสะดวกที่อาจนำไปสู่การคอร์รัปชันและสินบน แต่อย่างไรก็ตาม กระบวนการเร่งด่วนพิเศษที่ถูกต้องตามกฎหมายก็เป็นสิ่งที่ยอมรับได้ ตราบเท่าที่กระบวนการดังกล่าวได้ทำตามขอบเขตของกฎหมาย
  4. การสนับสนุนทางการเมือง บริษัทไม่มีนโยบายให้นำเงินทุนหรือทรัพยากรใดๆของบริษัทไปใช้เพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางการเมือง แต่บริษัทฯ ไม่ปิดกั้นสิทธิเสรีภาพของบุคคล ซึ่งได้กระทำไปในนามของบุคคลเองและไม่มีส่วนใดเกี่ยวข้องกับบริษัทฯ

การเบิกจ่ายและการบันทึกบัญชี 

  1. การเบิกค่าใช้จ่ายในกิจกรรมต่างๆนั้นจะต้องเบิกจ่ายตามจริง มีหลักฐานที่สามารถตรวจสอบได้มี การบันทึกตามลำดับเวลาที่ถูกต้อง และหากมีค่าใช้จ่ายใดที่ต้องได้รับการอนุมัติก็จะต้องผ่าน กระบวนการตามที่บริษัทกำหนด และถูกต้องตามระเบียบบริษัท 
  2. ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากธุรกรรมต่างๆ ต้องมีการบันทึกบัญชีที่ถูกต้อง ครบถ้วน สามารถตรวจสอบได้ และจะต้องมีการสอบทานอย่างสมำเสมอ เพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปตามระเบียบบริษัทและมาตรฐานการรายงานทางการเงิน

มาตรการลงโทษ

  1. พนักงานหรือบุคคลใดที่ฝ่าฝืนนโยบายนี้จะถูกดำเนินการทางวินัย ซึ่งอาจรวมถึง การตักเตือน การพักงาน หรือการเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชย
  2. ในกรณีที่มีการกระทำผิดร้ายแรง บริษัทอาจดำเนินคดีทางกฎหมาย รวมถึงการแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

การแจ้งเบาะแสและการคุ้มครองผู้แจ้ง

  1. บริษัทจัดให้มีช่องทาง การแจ้งเบาะแสที่ปลอดภัย สำหรับรายงานการกระทำที่เข้าข่ายการทุจริตหรือการละเมิดนโยบาย ดังนี้ 
    • ทางไปรษณีย์ ที่ฝ่ายกำกับดูแลและปฏิบัติงาน (Compliance Officer) บริษัท เด็พธเฟิร์สท จำกัด เลขที่ 155/10 ถ.สุขุมวิท 21 (อโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
    • ทางอีเมล ที่ compliance@depthfirst.co.th 
    • ทางโทรศัพท์ 02-661-6609-10 ฝ่ายกำกับดูแลและปฏิบัติงาน
  2. ผู้แจ้งเบาะแสโดยสุจริตจะได้รับ การคุ้มครองจากการตอบโต้ กลั่นแกล้ง หรือถูกลงโทษ  ตลอดจนข้อมูลที่ได้รับแจ้ง จะถูกเก็บเป็นความลับ ตามกฎหมายและนโยบายของบริษัท

การอบรมและการกำกับดูแล

  1. บริษัทจะจัดให้มี การอบรมและให้ความรู้แก่พนักงาน เกี่ยวกับนโยบายต่อต้านสินบนและการทุจริตเป็นประจำ
  2. ฝ่ายบริหารต้องกำกับดูแลให้การดำเนินงานของบริษัทเป็นไปตามนโยบายนี้ และทำการตรวจสอบภายในเป็นระยะเพื่อป้องกันความเสี่ยง